พระราชประวัติ ของ คนุต ลาวาร์ด

เจ้าชายคนุต ลาวาร์ดทรงเป็นพระราชโอรสตามกฎหมายเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้าอีริคที่ 1 แห่งเดนมาร์ก ที่ประสูติแต่พระราชินีบอดิล ทูร์โกต์สแด็ทเทอร์ เมื่อพระราชบิดาสวรรคตใน ค.ศ. 1103 ด้วยความที่เจ้าชายยังทรงพระเยาว์ พระองค์จึงถูกมองเข้าในการเลือกตั้งพระมหากษัตริย์ ค.ศ. 1104 พระองค์เติบโตขึ้นจากการดูแลใกล้ชิดจากขุนนางตระกูลไวด์ ซึ่งต่อมาจะเป็นผู้สนับสนุนพระองค์อย่างยิ่ง ในค.ศ. 1115 พระเจ้านีลส์แห่งเดนมาร์ก สมเด็จอาของเจ้าชาย ได้แต่งตั้งเจ้าชายเป็นยาร์ลแห่งชเลสวิช (jarl af Sønderjylland) เพื่อให้พวกชนเผ่าสลาวิกโอบอทริเทสหยุดโจมตีเดนมาร์ก ในช่วงสิบห้าปีต่อมา เจ้าชายคนุตได้ทรงสร้างสันติภาพในเขตชายแดนจนประสบความสำเร็จ พระองค์ได้รับตำแหน่งดยุกแห่งฮ็อลชไตน์ (Hertug af Holsten) และเป็นขุนนางในสังกัดของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์[7]

ดูเหมือนว่าพระองค์จะเป็นพระบรมวงศานุวงศ์เดนมาร์กพระองค์แรก ผู้ทรงถูกดึงดูดด้วยวัฒนธรรมคติแห่งอัศวินของเยอรมนีในยุคกลาง บ่งบอกด้วยการที่ทรงเปลี่ยนชื่อตำแหน่งของพระองค์เป็นดยุกแห่งชเลสวิช (Hertug af Slesvig) ภาพลักษณ์ของพระองค์ได้รับความนิยม และอาจจะได้เป็นรัชทายาทในราชบัลลังก์ของสมเด็จอา แต่พระองค์ก็ยังทรงมีศัตรูที่ทรงอำนาจในหมู่เจ้าชายและขุนนางเดนมาร์ก ซึ่งได้ตั้งคำถามต่อความจงรักภักดีของพระองค์ที่มีต่อจักรพรรดิโลทาร์ที่ 3 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงยอมรับให้พระองค์เป็นผู้ปกครองชาวเวนด์ตะวันตก[8][9]

ทั้งกษัตริย์นีลส์และพระโอรสของพระองค์คือ พระเจ้ามักนุสที่ 1 แห่งสวีเดน หรือ มักนุสผู้แข็งแกร่ง ทรงตื่นตระหนกที่เจ้าชายคนุตได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิโลทาร์ที่ 3 ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1131 เจ้าชายคนุตทรงถูกล่อลวงให้มาติดกับที่ป่าฮารัลด์สเต็ด (Haraldsted Skov) ใกล้เมืองริงสเต็ดบนเกาะเชลลันด์ พระองค์ถูกปลงพระชนม์โดยมักนุส โบสถ์ริงสเต็ดซึ่งเป็นโบสถ์คณะเบเนดิกตินแห่งแรกๆ ในเดนมาร์ก ได้เป็นสถานที่ฝังพระศพของเจ้าชายคนุตที่แรก ในค.ศ. 1157 พระศพของเจ้าชายได้ถูกย้ายไปฝังที่หอสวดมนต์ใหม่ของโบสถ์นักบุญเบ็งท์ในริงสเต็ด หอสวดมนต์นี้ (Knut Lavards Kapel) ได้ถูกสร้างขึ้นบริเวณที่พระองค์สิ้นพระชนม์แต่หอสวดมนต์นี้ก็หายสาปสูญไปหลังการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ ซากโบราณสถานได้ถูกค้นพบใน ค.ศ. 1883 ต่อมาใน ค.ศ. 1902 มีอนุสรณ์สถานรูปไม้กางเขนขนาด 4 เมตรถูกสร้างขึ้นใกล้สถานที่สิ้นพระชนม์ของเจ้าชายคนุต ลาวาร์ด[10][11]

หลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายคนุต ลาวาร์ด ดินแดนของโอบอทริเทสถูกแบ่งระหว่างพรีบิสลาฟแห่งวาเกรียและนิคล็อต (ค.ศ. 1090-1160) ทั้งสองเป็นหัวหน้าเผ่าโอบอทริเทส บางแหล่งข้อมูลพิจารณาว่าการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายคนุตเป็นการวางแผนฆาตกรรมที่พระเจ้ามักนุสก่อขึ้น แต่บางแห่งก็อ้างว่าเป็นแผนการของกษัตริย์นีลส์เอง การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นเป็นระลอกจนถึง ค.ศ. 1157 เมื่อจบลงด้วยชัยชนะของพระโอรสของพระองค์ที่ประสูติหลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว คือ พระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก ชะตากรรมของเจ้าชายคนุต กอปรกับชัยชนะของพระโอรสเป็นแรงผลักดันให้เจ้าชายคนุตได้รับการประกาศเป็นนักบุญใน ค.ศ. 1170 ตามการรณรงค์ของกษัตริย์วัลเดมาร์ วันสมโภช (Knutsdagen) คือวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ คือวันที่ 7 มกราคม[12][13]

ใกล้เคียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: คนุต ลาวาร์ด http://www.sologstrand.com/holiday-denmark/sealand... http://www.thescandinavianremedy.com/2009/01/today... http://danmarkshistorien.dk/leksikon-og-kilder/vis... http://danmarkshistorien.dk/perioder/hoejmiddelald... http://www.danmarkskonger.dk/knudlavard.htm http://www.danmarkskonger.dk/konge21.htm http://denstoredanske.dk/Danmarks_geografi_og_hist... http://www.kingsofdenmark.dk/king19.htm http://www.kingsofdenmark.dk/king21.htm http://wiki.ringstedhistorie.dk/index.php/Knud_Lav...